วัดพระธาตุถิ่นหลวง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ #บ้านถิ่น

วัดพระธาตุถิ่นหลวง ตำบลบ้านถิ่น อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ ห่างจากตัวเมืองแพร่ 12 กิโลเมตร

ประวัติวัดพระธาตุถิ่นหลวง

ประมาณปี พ.ศ. 1700 พญาเจียง สถาปนาต๋นขึ้นเป็นกษัตริ์ ครองแผ่นดินไทยลื้อ แห่งอานาจักรสิบสองปันนาน่านเจ้า ทรงพระนามว่า สมเด็จเจ้าฟ้าหอคำหลวงรุ่งเรียงเชียงรุ้ง

เหตุการณ์ต่อมาพระองค์ได้เสด็จปกครองอานาจักรโยนกนครเชียงแสน ไชยบุรี และเมืองภูกามยาวพะเยาซึ่งเป็นแผ่นดินไทยสายเลือดเดียวกัน พระองค์ทรงพระปรีชาสามารถ ขยายอาณาเขตแว่นแคล้น ดินแดนล้านนาไทย ออกไปได้กว้างไกล พระองค์ทรงเสด็จลงมาเมืองพลหรือเมืองแพร่ซึ่งเป็นเมืองในหุบเขา มีธรรมชาติสมบูรณ์ ประกอบด้วยไม้ สายธาร น้ำสัตว์ เพื่อทำพิธีคล้องช้างป่า ที่มีคชลักษณะดีจำนวน 500 เชือก ซึ่งมีอยู่มากมายตามเขตแดนแพร่ น่าน ลาว พิธีได้จัดขึ้นที่ดอยเด่นนางฟ้าฯ ปัจจุบันคือที่ตั้งองค์เจดีย์พระบรมธาตุถิ่นหลวง โดยมีพระบรมวงศาเจ้าเมืองแพร่ผู้รับเสด็จ พญาแพร่ได้ถวายหญิงงามแห่งเมืองผู้เป็นธิดานามว่าเจ้าแก้วกษัตรี ให้เป็นชายาเพื่อสืบสัมพันธไมตรีอีนดีของสองราชวงศ์ไทยฯ

พญาเจียงได้กรีฑากองทัพช้างขยายอาณาเขตประเทศล้านนาไทยออกไปถึง ลาว เขมร และบางส่วนของเวียดนาม วีรกรรมอันยิ่งใหญ่ของพญาเจียง ถูกจารึกบันทึกไว้ในใบลานตำนานเล่าขานของล้านนา ร้านช่างและแดนอีสาน โดยเฉพาะภาพแกะสลักแผ่นหินขนาดใหญ่ที่ปราสาทนครวัดประเทศเขมร นักท่องเที่ยวทั่วโลกรู้จักกันในนาม “กองทัพช้างกษัตริย์สามก๊ก”

วัดพระธาตุถิ่นหลวง 02

พระบรมธาตุถิ่นหลวง

พ.ศ. 2300 พญาเมืองชัย เจ้าเมืองแพร่ ผู้มีฉายานามว่าวีรบุรุษ 3 กรุงเก่า ของชาวเมืองแพร่และชาวไทย

1.สมัยกรุงศรีอยุธยา ก่อนกรุงแตก พญาจากตีแหกค่ายพม่าออกไปทางจันทบุรี กองทัพม้าพญาเมืองชัย 300 เศษ ตีแหกค่ายพม่าออกไปทางสระบุรี เกิดการสู้รบล้มตายทั้งสองฝ่าย ทัพแพร่พญาแพร่ได้รบชนะ ทัพพม่าจึงถอยกลับไป

2.สมัยกรุงธนบุรี พญาเมืองชัย ได้นำกองทัพแพร่ลงไปสมทบกองทัพหลวงของพระเจ้าตาก ที่เมืองพิชัย การปราบปรามทัพพม่าได้ถอยออกไปจากหัวเมืองต่างๆ ของไทย สมเด็จพระเจ้าตากสินฯ ทรงพระกรุณาแต่งตั้งทหารเอก คือ พญาพิชัยดาบหัก และพญาเมืองชัย ขึ้นเป็นพญาเมืองชัยศรีสุริยะวงศ์

3.สมัยกรุงรัตนโกสินทร์ พญาเมืองชัยได้สะสมกองทัพไทยหลายชนเผ่า มีไทยยวน ไทถิ่น ไทยเขิน ไทยลื้อ ไทยยอง ไทยลาว ตั้งทัพไว้ที่เมืองยอง โดยการสนับสนุนของพญายองกับพญาเชียงราย พอได้เวลาก็ยกเข้าโจมตีกองทัพพม่าที่ยึดครองเมืองเชียงแสนได้สำเร็จ พระเจ้ากาวิละกษัตริย์เชียงใหม่ ให้พญาแพร่ นำตัวแม่ทัพพม่าลงไปถวายสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าๆ พอพระทัยเป็นอันมาก ตรัสว่า “พญาแพร่ พญาเชียงราย พญายอง เป็นชนชาติไทยลาวที่มีความจงรักภักดีต่อกรุงเทพฯ” ได้ปูนบำเน็จ ความดีความชอบให้เป็นอันมาก

วิหารของวัดพระธาตุถิ่นแถนหลวง

พ.ศ.2339 หลังสงครามสงบ ชนชาติไทยเผ่าต่างๆ ที่มีผลงานกู้ชาติได้อพยพลงมาตั้งบ้านเรือนในเมืองแพร่ เช่น ไทยพวนบ้านทุ่งโฮ้ง ไทยลื้อบ้านพระหลวง ไทยเวียงจันทร์บ้านทุ่งกวาว ไทยใหญ่บ้านใหม่ ไทยยวนบ้านเหมืองหม้อ ไทยมะปี้บ้านดง และไทยถิ่นหรือถิ่นไทยลื้อบ้านถิ่น โดยทำพิธีไหว้ผีพญาแถนหลวง ณ ดอยเด่นนางฟ้าพระธาตุถิ่นหลวง เพื่อขอสร้างบ้านแปลงเมือง ให้เป็นมงคล วุฒิสวัสดี สืบไปภายภาคหน้า

ตำนานเชียงรุ่ง เชียงแสน ราชพงสาวดารอยุธยา ธนบุรี รัตนโกสินทร์, เรียบเรียงโดย พระครูวิจิตรธรรมภรณ์ (ครูบาแดง)

บันไดทางขึ้นพระธาตุ

ตำนานพระธาตุถิ่นแถนหลวง

ณ เชตวันมหาวิหาร ยามใกล้รุ่งคืนหนึ่งของพรรษาที่ 25 พระพุทธองค์ได้รำพึงว่า บัดนี้พระชันษา 60 แล้ว เมื่อครบ 80 ก็จะปรินิพพานในเมื่อเวลาเหลือไม่มาก ก็ขออธิษฐานให้พระธาตุ (เถ้ากระดูก) นั้นได้แบ่งกันไปกราบไหว้และขอให้พระบรมธาตุไปอยู่ ณ ที่ซึ่งพระองค์ได้ทำนายไว้

ครั้นออกพรรษาแล้ว เดือนเกี๋ยงแรมค่ำหนึ่ง (เดือน 1 แรม 1 ค่ำ) พระองค์ก็เสด็จนำพระอรหันต์และพระสาวกทั้งหลาย ออกเทศนาสั่งสอนโปรดสัตว์ตามที่ต่างๆ

ถึงเมืองแพร่ พระก็นอนอยู่ใต้นต้นจองแค่บนดอย ชื่อ โกสิยะปัปปะตะ คือ ดอยช่อแพรก็มีพุทธทำนายไว้ว่าจะเป็นที่แห่งหนึ่ง ที่พระบรมธาตุจะมาบรรจุไว้ ต่อมาภายหลังขุนลั๊วะอ้ายก้อมพร้อมพระยา 5 เมือง ได้มาสร้างเจดีย์บรรจุพระธาตุไว้ เป็นพระธาตุจากส่วนกระดูกข้อศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า

พ.ศ. 1899 สมเด็จพระยาลิไทแห่งกรุงสุโขทัยได้อัญเชิญพระบรมสารีรักธาตุ มาบรรจุว้าพร้อมกับสร้างและบูรณะศาสนสถานทั่วไปในเมืองแพร่

ส่วนพระพุทธเจ้าก็เสด็จไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือไปยังดอยวิสุทธิยะปัปปะตะ แปลว่า บริสุทธิ์ผ่องแผ้ว หรือดอยหมด ทรงประทับใต้ต้นประดู่อันร่มรื่นมองเห็นภูมิทัศน์ได้กว้างไกล ก็ทรงทำนายจะตั้งพระศาสนาไว้อีกแห่งหนึ่งเพื่อเป็นที่พึ่งแก่คนทั้งหลายที่จะมาตั้งบ้านเมืองอยู่ในที่ราบแห่งนี้คนเหล่านั้นจะได้ดี มีสุข อยู่ดี กินดี มีศิลธรรม ค้ำจุนพระศาสนา และพระบรมธาตุจนตราบสิ้นอายุขัยของเทพเทวา

ด้วยพุทธานุภาพ ก็ปรากฏรูปนิมิตรของเทพเทวาเหล่านางฟ้า ได้นำดวงแก้วใสมารองรับพระเกศาธาตุอัญเชิญไว้ในใจกลางถ้ำดอยนั้น สถานที่ศักดิ์สิทธิแห่งนี้จึงได้ชื่อว่า ดอยเด่นนางฟ้า มีพญาแถนหลวงเป็นผู้เฝ้ารักษาพระพุทธองค์ทรงสั่งว่า เมื่อปรินิพพานไปแล้ว ให้นำกระดูกข้อศอกขวาของพระพุทธองค์มารรจุไว้ที่นี่ด้วย เพราะที่นี่จะเป็นที่ชุมนุม นักศีล นักบุญ ผู้ปรารถนาจะได้ความสุข ในมนุษย์สมบัติสวรรค์สมบัติ

เมื่อผ่านพระมหาปรินิพพานไปแล้ว 218 ปี พระยาธัมมาโศกราช และเจ้าเมืองทั้งหลายในชมพูทวีปก็สร้างเจดีย์ 84,000 องค์ไว้บรรจุพระบรมธาตุพร้อมๆ กับพระอรหันต์เจ้าทั้งหลายก็อธิษฐานว่า ที่ทรงมีพุทธทำนายไว้ก็ขอให้พระบรมธาตุได้ไปสถิตประดิษฐานตั้งไว้โดยทั่วถึง

แล้วพระธาตุของพระพุทธเจ้าก็เสด็จไปด้วยอากาศกลางหาวตั้งอยู่ ณ ที่นั้นๆ ทุกแห่ง ที่ทรงมีพุทธทำนาย

ข้อมูลอ้างอิงจาก : สื่อประชาสัมพันธ์วัดพระธาตุถิ่นหลวง